ในแต่ละจังหวัดของไทย มีสถานที่ท่องเที่ยว และสินค้าขึ้นชื่อมากมาย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ หันมาเยี่ยมชมและอุดหนุนอยู่เรื่อย ๆ สำหรับร้านของฝาก ควรเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูด และมีความน่าสนใจ เหมาะสำหรับลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย
เราจะสังเกตได้ชัดเจนว่า ร้านของฝากได้มีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมาก โดยเน้นเรื่องความครบวงจร และความสะดวกสบาย เช่น เป็นร้านของฝาก , จุดพักรถ , ร้านอาหาร , และจุดชมวิว เป็นต้น ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์นักเที่ยวอย่างมาก แต่ปัญหาหลักของร้านของฝาก ในต่างจังหวัด คือ มักจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ หากไม่ได้ตั้งอยู่ในเส้นทางหลัก พร้อมกับพิษเศรษฐกิจขาลง ทำให้นักเที่ยว เดินทางท่องเที่ยวน้อยลงด้วย
สำหรับตลาดร้านของฝาก ที่ค่อนข้างคึกคักอยู่ตลอดทั้งปี นั่นคือ ประเทศญี่ปุ่น หลายคนที่ได้เยี่ยมเยียน ประเทศญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว อาจจะเกิดความสงสัยว่า ทำไมผลิตภัณฑ์ และงานฝีมือต่าง ๆ ตามร้านของฝาก จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะเอกลักษณ์ของสินค้าญี่ปุ่น คือ การใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่แพ็คเกจ , ลายพิมพ์สกรีน หน้ากล่อง , ถุงใส่ของ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถแบ่ง ลักษณะเทคนิคการตลาด สินค้าญี่ปุ่น ออกเป็น 4 หัวข้อ ได้แก่
Simple but Classic : สินค้าญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้ว เวลาอยู่รวมกัน อาจจะดูไม่โดดเด่น หรือสะดุดตาในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะรู้สึกว่าสินค้าไม่น่าเบื่อ มองแล้วสบายตา นอกจากนี้ เรายังสามารถนำสินค้า ไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นได้ด้วย
Small Details : เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ สินค้าญี่ปุ่น คือ การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เราสามารถรับรู้ได้ ถึงความตั้งใจในการผลิตสินค้า และการให้บริการ เช่น การออกแบบกระเป๋าผ้า สำหรับคนญี่ปุ่น โดยวิเคราะห์จากวิถีชีวิต และความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ เช่น คนญี่ปุ่นไม่นิยมขับรถ , ชอบพกสิ่งของติดตัวมากมาย เป็นต้น ทำให้ใน การออกแบบกระเป๋าผ้า จึงต้องมีฟังก์ชัน เพื่อตอบสนองการใช้งาน และอำนวยความสะดวกด้วย
Story Telling : ควรใช้วิธีการนี้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของจังหวัด และสถานที่นั้น ๆ สำหรับสินค้าญี่ปุ่น มีวิธีการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากไทย โดยเน้นเรื่องความรู้สึก ความพิเศษ และวัตถุประสงค์ของสินค้า ทำให้ผู้บริโภค สามารถจดจำแบรนด์สินค้าได้ง่ายกว่า หรืออาจจะใช้ วิธีการโปรโมทแบรนด์ผ่านของแจกพรีเมี่ยม เช่น การใช้กระเป๋าผ้า พิมพ์ลาย หรือโลโกร้านค้า แทนการใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
Selfless : เป็นการคิดถึงตนเองให้น้อยลง และคิดถึงลูกค้าให้มากขึ้น แสดงความสุภาพ อ่อนโยนผ่านการบริการ จะช่วยสร้างความประทับใจ ให้กับนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา กลับมาใช้บริการ และซื้อสินค้าร้านเรามากขึ้น
ยกตัวอย่าง แบรนด์ขนมจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการวางแผนการตลาด ให้สินค้าสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะวัยรุ่นเท่านั้น เน้นสร้างความเข้าถึงง่าย ทั้งกลุ่มลูกค้าเด็ก , กลุ่มคนทำงาน , พนักงานบริษัท , กลุ่มคนเกษียณอายุ โดยทางบริษัทใช้วิธีการ “ สร้างตลาด สร้าง Demand ใหม่ ”
- ตลาดผู้ชาย : อ้างอิงจากพฤติกรรม และลักษณะนิสัยของผู้ชายญี่ปุ่น คือ ให้ความสำคัญกับการรักษาภาพลักษณ์ตัวเอง ต้องมีความเคร่งขรึม ดูเท่ ทาง Pocky จึงออกรสชาติใหม่เพื่อเอาใจ กลุ่มลูกค้าผู้ชาย โดยออกแบบทั้ง Packaging ที่เน้นใช้สีดำ เพื่อให้ดูเท่ และการออกแบบรสชาติ ด้วยการใช้ช็อคโกแลตขม ให้ลูกค้าสามารถทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ นอกจากนี้ ตลาดของหวานและขนม ในร้านสะดวกซื้อ ยังมีการปรับเปลี่ยน เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย เช่น พุดดิ้ง , น้ำเต้าหู้ , วาฟเฟิล ฯลฯ
- ตลาดของฝาก : การออกแบบสินค้าให้มีความพิเศษ โดดเด่นมากขึ้น เช่น Kit-Kat ออกแบบรสชาติขนม ตามของดี หรือวัตถุดิบที่โดดเด่นของจังหวัดต่าง ๆ ในญี่ปุ่น เช่น ชาเขียว ( จังหวัดเกียวโต ) , สตอเบอรี่ ( จังหวัดฟุกุโอกะ ) เป็นต้น และทำการตลาดดึงดูดลูกค้า ด้วยการวางขายเฉพาะภูมิภาคนั้น ๆ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว เดินทางไปซื้อสินค้า กลับมาเป็นของฝากด้วย
- ตลาดนำโชค : การปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ อย่างชาญฉลาด เช่น การเปลี่ยนชื่อชั่วคราว และจัดจำหน่าย ขนมนำโชค ของแบรนด์ Caramel Corn เป็นชื่อ คาร์นาเอรุ คอร์น ในช่วงที่นักเรียนสอบเข้ามัธยมหรือมหาวิทยาลัย , การพิมพ์ลาย ตุ๊กตาขอพรญี่ปุ่น บนกล่องขนม Koala March เป็นต้น
- ตลาดให้รางวัลตัวเอง : เหมาะสำหรับตลาดผู้ใหญ่ ที่มีกำลังซื้อสูง และการแข่งขันที่ไม่เยอะมาก โดยคำว่า Little Luxury เน้นใช้วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ ให้ใส่เยอะกว่าและมีรสชาติที่ดีด้วย นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังใช้วิะีการสื่อสารแบรนด์ว่า “ ให้รางวัลตัวคุณเองหน่อยนะ ” เท่านี้ ก็ช่วยดึงดูดให้กับแบรนด์สินค้ามากขึ้นด้วย
เราสามารถนำวิธีการดังกล่าว มาปรับใช้กับสินค้าไทย และร้านของฝากไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสินค้าของไทย มีจุดเด่นเรื่องของการออกแบบ ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงสินค้าใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งสินค้ากลุ่มของฝาก และของขวัญ ติดอันดับ 5 กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ส่งออก ของปีนี้ เช่น กลุ่มสินค้าอาหาร Food gift เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ถือเป็น กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ของไทย ชื่นชอบสินค้าไทยอย่างมาก และด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มีความใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถวางแผนการตลาดได้ง่ายขึ้น ร่วมกับการทำการตลาดออนไลน์ และของแจกพรีเมี่ยม ที่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้า ให้เข้าถึงแบรนด์สินค้าได้ง่าย และสะดวกมากขึ้น สำหรับตลาดส่งออก ที่สำคัญสำหรับไทย ได้แก่ จีน , สหรัฐอเมริกา , ญี่ปุ่น , อินเดีย ฯลฯ
นอกจากวิธีการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ และ Packaging ที่ดี ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าแล้ว เราสามารถโปรโมทแบรนด์สินค้า ด้วยการใช้ช่องทางออนไลน์ ( ติดตามเพิ่มเติม : เคล็ดลับ กระเป๋าผ้า กับการสื่อสารการตลาดในยุค 5.0 ) ร่วมกับของแจกพรีเมี่ยม อย่างเช่น กระเป๋าผ้า หรือถุงผ้า พิมพ์ลาย
ด้วยประโยชน์การใช้งานที่คุ้มค่า , สามารถโปรโมทแบรนด์ ด้วยการพิมพสกรีนโลโก้ ได้อย่างชัดเจน และเหมาะสมกับการลงทุน ทำไมถึงต้องเลือกใช้ ของแจกพรีเมี่ยม ในการกระตุ้นการรับรู้แบรนด์ ?
- กระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม ใช้ในการโปรโมทแรนด์ ได้ยาวนาน : เมื่อไรก็ตาม ที่เราลงทุนกับการโฆษณาเชิงพาณิชย์ เช่น นิตยสาร , หนังสือพิมพ์ , ทีวี , Facebook ฯลฯ เรามีค่าใช้จ่ายที่เยอะ เพื่อให้ได้ยอดการรับรู้ที่รวดเร็ว ซึ่งปริมาณการซื้อสินค้า อาจจะไม่ได้สูงตามไปด้วย เพราะฉะนั้น การโฆษณาผ่านสื่อหลักต่าง ๆ จึงเป็นการสร้างโปรโมทแบรนด์ แบบไม่ยั่งยืน เมื่อเทียบกับการใช้ ของแจกพรีเมี่ยม โดยเฉพาะของแจก ที่ใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น แก้วกาแฟ , เครื่องเขียน , กระเป๋าผ้า พิมพ์ลาย ฯลฯ ซึ่งมีอายุการใช้งาน ที่ยาวนานกว่า เราสามารถพิมพ์สกรีน โลโก้ ข้อความแคมเปญ รวมถึงข้อมูลติดต่อของร้านค้า ลงบนกระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม
- กระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม ช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ : จริงอยู่ ที่นามบัตรหรือโบรชัวร์ร้านค้า เป็นสิ่งของที่นิยม ดูเป็นมืออาชีพ และพกพาได้ง่าย แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่สามารถช่วยสร้างความประทับใจ ให้กับลูกค้าได้ดี เทียบเท่ากับ ของแจกพรีเมี่ยม ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นการรับรู้แบรนด์ ได้อย่างไม่กำจัด เราสามารถใช้แทนการใช้ถุงพลาสติก ด้วยต้นทุนการผลิต ที่ไม่แพง นอกจากนี้ช่วยสร้างการรับรู้แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับร้านค้าได้ด้วย
- กระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม ช่วยสร้างความภักดีให้กับแบรนด์ : ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ การใช้กระเป๋าผ้า พรีเมี่ยม แจกลูกค้า ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาด ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างความภักดี ( Brand Royalty ) และการมีความรู้สึกร่วมไปกับสินค้า และร้านค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น
- กระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม ตัวช่วยสำหรับธุรกิจใหม่ : การใช้กระเป๋าผ้า พรีเมี่ยม ในการทักทายและเข้าหาลูกค้า ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และเห็นผลดี ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างร้านค้าและลูกค้าด้วย อาจจะก่อให้เกิด การบอกต่อ ( Words of Mouth ) ร้านค้าของเราได้อีกทางหนึ่ง
- กระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม ช่วยกระตุ้นยอดขาย : มีหลายธุรกิจ ที่นำกระเป๋าผ้า ไปเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นยอดขาย ไม่เพียงเฉพาะ ใช้โปรโมทแบรนด์เท่านั้น หลายแบรนด์ ออกแบบกระเป๋าผ้า พร้อมสกรีนโลโก้แบรนด์ เพิ่มเป็นสินค้าอีกรายการหนึ่ง เช่น แบรนด์ร้านกาแฟ ( ติดตามเพิ่มเติม : เพิ่มยอดขาย ธุรกิจร้านกาแฟ ออนไลน์ ด้วยกระเป๋าผ้า สุดชิค ) , สโมรสรฟุตบอลต่าง ๆ ( ติดตามเพิ่มเติม : ส่อง! กระเป๋าผ้าพิมพ์สกรีน โลโก้ สโมสรฟุตบอล พรีเมี่ยม ) , ธนาคาร , แบรนด์เครื่องสำอาง
สำหรับรูปทรงกระเป๋าผ้า ที่เหมาะสมกับร้านของฝาก คือ กระเป๋าผ้าสี่เหลี่ยม ( Tote Bag ) เนื่องจากเป็นรูปทรงกระเป๋าผ้า ที่สามารถใส่สิ่งของได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นกล่องขนม , ถุงอาหารแห้ง , สินค้างานฝีมือต่าง ๆ ก็ทำให้สินค้าของฝาก ดูมีภาพลักษณ์ที่ดี และมีความพรีเมี่ยมมากขึ้น นอกจากนี้ กระเป๋าผ้าทรงนี้ เหมาะสมกับลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย สามารถนำไปใช้งานอื่น ๆ ได้หลากหลาย และต้นทุนการผลิตที่ไม่สูง ขึ้นอยู่กับการ ออกแบบกระเป๋าผ้า
ก่อนการสั่งทำกระเป๋าผ้า สิ่งที่เราควรคำนึงถึง คือ จำนวนการผลิต , เนื้อผ้า , โรงงานรับผลิตกระเป๋าผ้า , งบประมาณในการผลิต เป็นต้น ในส่วนของการเลือกเนื้อผ้า ที่เหมาะสมกับการผลิต กระเป่าผ้า พิมพ์ลายแจกลูกค้า ได้แก่ ผ้าแคนวาส , ผ้าสปันบอนด์ , และผ้า PU เนื่องจากเป็นผ้าที่มีความทนทาน แข็งแรง และน้ำหนักเบา แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เพราะเนื้อผ้าต่าง ๆ มีคุณสมบัติที่โดดเด่น แตกต่างกันออกไปด้วย
ทางเราพร้อมที่จะให้บริการ ออกแบบ และให้คำปรึกษา ในเรื่องการผลิตกระเป๋าผ้า ทุกชนิด
ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย มีสีให้เลือกมากกว่า 15 สี
ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อเข้ามาได้ ผ่านทาง
Facebook : Thai design guru
Line : @designguru
Tel : 088 - 653 - 2999
