การสร้างแบรนด์กระเป๋าที่ดี ควรมีองค์ประกอบ ที่เป็นส่วนสำคัญ อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และการกำหนดตัวตนอย่างชัดเจน หากเรารู้อย่างแน่ชัดแล้วว่า กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์กระเป๋าของเรา เป็นใคร ? ย่อมทำให้ การกำหนดตัวตน ของแบรนด์กระเป๋าเรา
ทำได้ง่ายมากขึ้น เช่น กลุ่มเป้าหมายเรา เป็นผู้หญิง , อายุระหว่าง 20 - 40 ปี , รายได้ 15,000 - 50,000 บาท เป็นต้น เป็นการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ในเบื้องต้นเท่านั้น ควรทำการวิเคราะห์ในเชิงลึกร่วมด้วย เพื่อจำกัดกลุ่มเป้าหมายให้เล็กลง และชัดเจนมากขึ้น
สำหรับ การกำหนดตัวตัวตน ของแบรนด์กระเป๋า เป็นการสร้าง Key Message เพื่อให้แบรนด์กระเป๋าเรามีตัวตน ในโลกธุรกิจ โดยในการออกแบบตัวตนแบรนด์ ต้องมีความสร้างสรรค์ จดจำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่ซ้ำใคร ส่วนใหญ่แล้ว เราสามารถสร้างความแตกต่างนี้ได้ ด้วยงานออกแบบ / งานดีไซน์ ได้แก่ คอนเซ็ปต์ ( Concept ) , สโลแกน ( Slogan ) , โทนสี ( Color ) , โลโก้ ( Logo ) เป็นต้น
โลโก้ สำคัญกับแบรนด์กระเป๋าผ้า อย่างไร ?
- โลโก้ บนกระเป๋าผ้าสามารถสร้าง ความประทับใจแรกเห็นได้ ( First Impression )
โลโกที่ดี ต้องดูดี น่าประทับใจ และน่าจดจำ โลโก้สามารถที่จะ สร้างอารมณ์ ความรู้สึกที่มีต่อสินค้า ให้เกิดกับลูกค้าได้ด้วย ลูกค้าที่ใช้กระเป๋า จะก็เกิดความรู้สึกไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ และรู้สึกดีต่อแบรนด์ อาจจะทำให้เกิด การซื้อสินค้าซ้ำได้
- การพิมพ์กระเป๋าผ้าที่มีโลโก้ช่วยในสร้างแบรนด์
โลโก้จะช่วยสะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความตระหนักรู้ได้เร็ว สร้างการจดจำ และนำมาซึ่งยอดขาย เช่น โลโก้สามารถที่จะอยู่บน ยูนิฟอร์มพนักงาน กระเป๋า เพราะจะช่วยกระตุ้นการรับรู้แบรนด์ ได้มากขึ้น
- งานพิมพ์คมชัด ถุงผ้าช่วยเพิ่มมูลค่าแบรนด์
โลโก้ที่มีความสามารถ สร้างความจดจำได้ หรือติดตลาดแล้ว จะมีมูลค้าเพิ่มขึ้น ดึงดูดให้นักลงทุนต่าง ๆ เข้ามา ช่วยในการขยายกิจการ หรือเมื่อต้องการขายแบรนด์ ก็สามารถเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้นได้ จากการมีโลโก้ เช่น กรณีของ Instagram ที่ขายให้กับ Facebook มีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
- เป็นการสร้าง loyalty ให้กับลูกค้า
เนื่องจากลูกค้าพึงพอใจ ในสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ และภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ สังเกตได้จากลูกค้าที่ใช้กระเป๋าผ้า หรือสินค้าอื่น ที่มีโลโก้ติดอยู่ นอกจากจะขายกาแฟได้แล้ว ก็ยังสามารถขายแก้ว , ที่รองแก้ว , หลอดสแตนเลส , ตุ๊กตา , หมอนอิง หรือกระเป๋าผ้า ไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย เช่น แบรนด์สตาร์บัค ถือเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้เราด้วย
- เพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น
มีคำอธิบายเชิงจิตวิทยา กล่าวว่า โลโก้ จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเชื่อมั่น เข้าใจและยอมรับในสินค้า / แบรนด์ของเรา กรณีที่เรามีคู่แข่ง ที่ค่อนข้างสูสีกัน ถึงแม้ เราจะมีจุดขายมากเพียงพอแล้ว แต่การมีโลโก้ที่เด่นกว่า ทำให้เราสามารถแย่งชิง ในตลาดผู้บริโภคได้มากขึ้น เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าได้ โดยไม่ต้องอธิบายเป็นตัวอักษร การมีโลโก้ที่สื่อความหมาย ทำให้คุณสามารถชนะใจลูกค้าได้
ประเภทของโลโก้ ( logo )
ปัจจุบัน เรามีการแบ่งการออกแบบโลโก้ ออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่
- Wordmark : เป็นโลโก้ ที่มีการใช้ตัวอักษรเป็นหลัก โดยมีการนำมาไล่เรียงกัน ในลักษณะต่าง ๆ บริษัทที่ใช้โลโก้ประเภทนี้ เช่น FedEx , Visa , amzon , Disney , Ebay , Google , Ray Ban , Kellog’s ฯลฯ
- Letterform : เป็นการประดิษฐ์ตัวอักษร ในลักษณะพิเศษ โดยใช้ตัวอักษรตัวเดียว และตกแต่งให้มีลักษณะที่น่าจดจำ เช่น Yahoo , Airbnb , McDonold’s , Facebook , Vine , Westinghouse , Four Square ฯลฯ
- Conceptual : ตัวโลโก้ จะมีลักษณะเป็นรูป ที่สามารถมองเห็น และจดจำได้ง่าย และมีความ abstract อยู่บ้าง และมีความกำกวมในรูปภาพ เช่น Apple , Twitter , Starbuck , Instagram , NBA , Firefox , Shell , ฯลฯ
- Abstract : โลโก้ประเภทนี้ จะไม่ได้สื่ออะไร เกี่ยวกับแบรนด์มากนัก แต่ทำให้เราจดจำได้ง่าย เหมือนกับภาพศิลปะ สำหรับแบรนด์ที่สร้างความจดจำ ได้มากที่สุด เช่น Nike , Mazda , Playboy , Pepsi , Channel , Mitsubishi , Adidas ฯลฯ
- Mascot : โลโก้นี้ เป็นการใช้ตัวการ์ตูน หรือคน มาใช้ในการออกแบบ มักจะพบมาก ในแบรนด์ที่เกี่ยวกับอาหาร ขนม เครื่องครัวต่าง ๆ เช่น KFC , Michelin , โก๋แก่ ฯลฯ
- Emblem logo : เป็นรูปแบบโลโก้ ที่มีการใช้มายาวนาน ตั้งแต่สมัยยุคมืด โดยจะมีตัวอักษรอยู่ด้านใน ตัวโลโก้จะมีความคลาสสิค เรามักจะเห็นง่าย ตามสถาบันการเรียน - การสอน , โรงเรียน , หน่วยงานราชการ , สโมสรฟุตบอล มองแล้ว ให้ความรู้สึกดี และเป็นทางการ เช่น Hayley-Davidsion , Havard University , Porsche , Manchester United เป็นต้น
- Combination : เป็นการผสมผสานโลโก้ในหลายประเภท ไม่จำเป็นที่ โลโก้จะต้องใช้รูปแบบเดียว หรือจะมีเฉพาะสีขาว-ดำ เราสามาถผสม Wordmark กับ Mascot หรือจะเป็น Abstract และ Emblem ก็ได้ บริษัทที่ใช้โลโก้นี้ เช่น Burger’s king , Dunkin Donuts , Domino Pizza , Puma , Converse , lacoste ฯลฯ
เคล็ดลับการออกแบบโลโก้บนกระเป๋าผ้า
- การเลือกตัวอักษรบน Logo
การเลือกฟอนต์ก็สำคัญ สำหรับการผลิตกระเป๋าผ้า หากฟอนต์ที่มีความบางเกินไป อาจจะทำให้มองไม่เห็นข้อความ หรือชื่อแบรนด์ / ชื่อบริษัท / ข้อมูลอื่น ๆ ได้ รูปแบบฟอนต์ มีด้วยกัน 4 แบบ ได้แก่
- Serif : เป็นฟอนต์ที่มีความเป็นทางการ พัฒนามาจาก การเขียนตัวอักษรด้วยมือ สังเกตได้จากลักษณะเด่น คือ หาง
- San serif : มีการตัดเอาส่วนของหางออก ทำให้มีความทันสมัยมากขึ้น
- Script : ตัวอักษรที่ มีลักษณะการเขียนด้วยมือ เป็นลายมือในลักษณะต่าง ๆ ส่วนมากจะออกแบบให้มีลักษณะเอียงเล็กน้อย ให้ความรู้สึกอ่อนไหว
- Display : เป็นตัวอักษรที่มีความแปลกตา ต่างจากประเภทอื่น ส่วนมากจะนิยมใช้ ตามพาดหัวหนังสือพิมพ์ / ประกาศ ไม่นิยมใช้ในการพิมพ์บทความ หรือประโยคยาว ๆ
ในการออกแบบโลโก้ที่ดี เราต้องทำความเข้าใจว่าฟอนต์แบบไหน สามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้ ตามที่เราต้องการ
- การเลือกแม่สี
ใครที่ยังไม่ทราบถึง ความหมายของสีแต่ละสี เราควรต้องการศึกษา จากทฤษฎีแม่สี ก่อนว่า แต่ละสีมีความหมายอย่างไร เพื่อเสริมสร้างให้โลโก้ของเรา สื่อความหมายแบรนด์ ออกมาได้อย่างตรงประเด็น ข้อควรระวัง
- ไม่ควรใช้สีรุ้ง จากบทความเชิงจิตวิทยา กล่าวว่า โลโก้ที่ดี ไม่ควรมีสีเกิน 5 สี เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของได้ไปตลอด
- หากเป็นสีขาว - ดำ จะสามารถสื่อตัวตัวของเราได้หรือไม่ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่วัดว่า โลโก้ของเราเป็นจดจำได้ง่ายหรือไม่ โดยที่ไม่มีการพึ่งพาสีบนโลโก้
- ไม่ใช้ effect เยอะเกินไป การใช้ลวดลายที่ละเอียด หรือเยอะเกินไป ทำให้เวลาเราสกรีนกระเป๋า จะเห็นโลโก้ที่ไม่ชัด อีกทั้ง ทำให้ลูกค้าจดจำเราได้ยากขึ้นด้วย
- เมื่อย่อ โลโก้บนกระเป๋าผ้าหรือถุงผ้า แล้วยังจะมองเห็นอยู่ไหม
เราต้องวางแผนให้ดี ว่า เราจะใช้โลโก้ วางที่ตำแหน่งไหนบ้าง บนกระเป๋าผ้า และขนาดที่ใช้ เล็กหรือใหญ่แค่ไหน ซึ่งควรจะต้องสัมพันธ์กับ ขนาดของกระเป๋าที่เราสั่งผลิตด้วย นอกจากนี้ เราอาจจะโลโก้ในส่วนของช่องทางออนไลน์ หรือนำไปปริ้น ออกมาเป็นโปสเตอร์ / แผ่นพับ / นามบัตร ด้วย เพราะฉะนั้นควรวางแผนให้ดี ว่าเราต้องนำโลโก้ ไปแสดงที่ไหนบ้าง
- เริ่มต้น ออกแบบบนกระดาษขาวก่อน
โดยปกติแล้ว นักออกแบบจะทำการออกแบบโลโก้ บนกระดาษขาวก่อน เพราะจะทำให้เรา เห็นองค์ประกอบต่าง ๆ มากขึ้น หลังจากนั้น นำโลโก้ไปวางบนลวดลายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มลูกเล่นในภายหลังได้ และเราสามารถเล่นกับพื้นที่ว่าง เพื่อเพิ่มความหลากหลายของโลโก้ ทำให้เราไม่รู้สึกอึกอัดเกินไปด้วย
- ออกแบบแล้วต้องมีความหมาย
ต้องทำการศึกษาให้ดี ว่า สินค้าหรือแบรนด์ของเรา มีจุดไหนที่ต้องการสื่อออกมามากที่สุด ตั้งแต่สีและรูปร่างของโลโก้ เมื่อลูกค้ารับรู้แล้ว สามารถบอกได้ทันทีว่า แบรนด์หรือบริษัทเราขายเกี่ยวอะไร และมีความรู้สึกอย่างไรกับแบรนด์กระเป๋าเรา ลูกค้าควรจะสัมผัสได้ถึง คุณภาพของสินค้า บริการที่ดีของแบรนด์เราด้วย
นอกจากนี้ เมื่อผ่านไป 10 ปี โลโก้ของเราจะล้าสมัยหรือไม่ โลโก้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง แต่ไม่ควรต่างไปจาก concept เดิมมากนัก สามารถปรับแต่งได้ ตามความเหมาะสม เช่น โลโก้ของ google ที่ยังมีความคงไว้เรื่องสี และลักษณะฟอนต์บนโลโก้
- อย่า copy งานคนอื่น
โลโก้ที่ดี ต้องมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว เราอาจจะดูการออกแบบของคนอื่น แล้วนำมาเป็น inspiration ได้ แต่ไม่ควรนำมาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์ของคู่แข่ง หากเรามีสินค้าที่เหมือนกันแล้ว ไม่ควรที่จะมีโลโก้คล้ายกัน เพราะลูกค้าไม่สามารถที่จะแยกแยะ ความแตกต่างได้ อาจจะทำให้เราไม่โดดเด่นในสายตาของลูกค้า
ไม่ว่าจะเราจะผลิตกระเป๋าคุณภาพดีแค่ไหน แต่การสร้างตัวตนให้ชัดเจน จะช่วยทำให้เรามีตัวตน และอยู่อย่างยั่งยืน ในระบบการตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 วิธี การสร้างแบรนด์กระเป๋าผ้าของตัวเอง ให้ปังค์! อิทธิผลของโลโก้แบรนด์บนกระเป๋าผ้า
สนใจจะทำกระเป๋าผ้า หรือถุงผ้า สกรีนโลโก้ ของตัวเอง เพิ่มส่งต่อสิ่งๆดีให้กับผู้รับ ก็ติดต่อโรงงานผลิตกระเป๋าผ้าได้ที่
✨https://www.thaidesignguru.com
?LineID : @designguru
☎️ Tel: 088-6532999
#รับทำกระเป๋าผ้าร่ม #รับผลิตกระเป๋าผ้าพับได้ #รับผลิตกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน #สั่งทำกระเป๋าผ้าพรีเมี่ยม #สั่งทำกระเป๋าผ้าสกรีนโลโก้หน่วยงาน